ตามรายงานเมื่อวันจันทร์ผ่านมามีผู้อพยพเดินทางสู่ทวีปยุโรปกว่า 6,000 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือหลังจากทั้งหมดพยายามเดินทางด้วยเรือ 40 ลำ เพื่อเข้าสู่ทวีปยุโรป นับว่าเป็นจำนวนที่สูงมากครั้งหนึ่งในการช่วยเหลือผู้อพยพภายใน 1 วัน สำนักข่าวต่างประเทศจากกรุงโรม แถลงการณ์เมื่อวันที่ 4 ต.ค. จากหน่วยยามชายฝั่งอิตาลีเผย ได้มีการช่วยเหลือผู้อพยพด้วยทางเรือ 6,055 คน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมกับเรืออพยพ 40 ลำ ซึ่งกำลังเดินหน้าสู่ทวีปยุโรป พร้อมกับมีผู้เสียชีวิตระหว่างอพยพถึง 9 รายด้วยกัน  ซึ่งมีการส่งหญิงตั้งครรภ์ 1 คนนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อส่งโรงพยาบาลบนเกาะเลมเปดูซา ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ระหว่างเกาะซิซิลีอิตาลีและชายฝั่งลิเบีย ครั้งนี้นับว่าเป็นการช่วยเหลือเหล่าผู้อพยพทางเรือภายในวันเดียวที่สูงที่สุดอีกครั้ง โดยสถิติตัวเลขขององค์การระหว่างประเทศ โยกย้ายถิ่นฐาน มีผู้อพยพสูงถึง 132,000  พร้อมกับตัวเลขผู้เสียชิวิตสูงถึง 3,054 คน

ตามรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศแห่งกรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย วันที่ 28 ส.ค. กองกำลังจากรัฐบาลลิเบียโดยส่วนมากจะเป็นทหารที่มาจากเมืองมิสตูรา ได้ยกกำลังเพื่อมาปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอสที่อยู่ในเมืองเซิร์ตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังมีการหยุดพักการโจมตีเป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะเข้ามาปฏิบัติการอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อให้เหล่าเด็กและผู้หญิงหรือครอบครัวกลุ่มไอเอสได้มีโอกาสอพยพออกนอกจากพื้นที่สงคราม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีรายงานว่าทหารลิเบียเสียชีวิตระหว่างการสู้รบไม่ต่ำกว่า 34 ราย บาดเจ็บกว่า 180 ราย ทั้งนี้มีการคืบหน้าด้านการปฏิบัติหน้าที่อย่างมาก ตั้งแต่มีการสนับสนุนการโจมตีด้วยทางอากาศจากกองทัพสหรัฐตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งกองกำลังทางอากาศได้ผลอย่างมากเนื่องจากสามารถไล่ต้อนกลุ่มไอเอสให้ถอยหนีไปใจกลางเมืองได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ยังคงทำให้เหล่ากองกำลังรัฐบาลลิเบียได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเนื่องจาก การซุ่มยิงจากสไนเปอร์และการระเบิดพลีชีพเป็นต้น แม้ความได้เปรียบในแนวรบที่เมืองมิสตูราจะสูงมาก แต่กองกำลังจากรัฐบาลบางนายยังคงขาดยุทโธปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการรบ บางต้องใช้อาวุธในการใช้สู้รบที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง บางรายยังต้องใส่กางเกงขาสั้นไปจนถึงรองเท้าแตะเลยทีเดียว ดังนั้นทางกองกำลังรัฐบาลจึงมีความกังวลในเรื่องของความปานปลายด้านจนออกนอกไปยังพื้นที่รอบๆ เพราะมีกลุ่มไอเอสจำนวนไม่น้อยที่สามารถหนีรอดไปได้สำเร็จ

ในวันที่ 3 ต.ค. กระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์แถลงการณ์แสดงถึงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ นายเจอโรน เออร์เลมันส์ พร้อมกับสำนักข่าวต่างประเทศจากกรุงอัมสเตอร์ดัมรายงานว่า ช่างภาพอิสระชาวดัตช์ถูกยิงเข้าจุดสำคัญบนบริเวณหน้าอก ระหว่างลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์การสู้รบของกองทัพรัฐบาลกับกลุ่มไอเอส ในเมืองเซิร์ต เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลักจากนายเออร์เลมันส์ถูกรอบยิงจากกลุ่มไอเอสได้ถูกส่งรักษาไปที่โรงพยาบาลในเมืองมิสราตา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของลิเบียภายใต้เขตอิทธิพลกลุ่มกบฏ เผยว่า นายเออร์เลมันส์ถูกรอบยิงโดยสไนเปอร์จากกลุ่มไอเอส กระสุนพุ่งตรงเข้าสู่หน้าอกทำให้เสียชีวิต ซึ่ง เออร์เลมันส์เป็นนักข่าวชาวต่างชาติที่เสียชีวิตเป็นคนที่ 3 แล้ว จาการถูกลอบสังหารหรือทั้งถูกลูกหลงในระหว่างการรายงานข่าวสงครามกลางสมรภูมิเขตลิเบีย โดยก่อนหน้านี้ นายนานทิม เฮเธอริงตัน เป็นผู้สื่อข่าวจากสงครามจากสหราชอาณาจักร คนที่สองคือ นายคริส ฮอนดรอส ช่างภาพเก็ตตี อิมเมจ เสียชีวิตด้วยเหตุการณ์โจมตีด้วยปืนใหญ่ในสงครามที่เมืองมิสราคา

ทหารฝั่งสนับสนุนรัฐบาลลิเบียบุกยึดกองบัญชาการของกลุ่มไอเอสได้สำเร็จ เป็นฐานที่มั่นสำคัญประจำเมืองเซิร์ท นับว่าเป็นชัยชนะก้าวสำคัญของฝั่งรัฐบาลที่จะสามารถขับไล่กลุ่มหัวรุนแรงอย่างไอเอสสำเร็จ รายงานจากกรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย วันที่ 11 ส.ค. นายเรดา อิสซา โฆษกประจำกองกำลังรัฐบาลตามข้อตกลงแห่งชาติ (GNA) แถลงการณ์ กองกำลังรัฐบาลข้อตกลงแห่งชาติฝั่งสนับสนุนรัฐบาลลิเบีย ประความสำเร็จในการยึดฐานบัญชาการประจำเมืองเซิร์ท ของกลุ่มหัวรุนแรงไอเอสได้สำเร็จ นับว่าเป็นอีกฐานที่มั่นสำคัญของนักรบติดอาวุธไอเอส แต่ทั้งนี้เหล่าไอเอสยังคงปักหลักอยู่ย่านอาศัยทั้ง 3 จุดเมืองเซิร์ทรวมถึงบริเวณที่พักริมฝั่งทะเล แต่ถือเป็นชัยชนะสำคัญของฝ่ายรัฐบาลลิเบีย เป็นอีกหนึ่งชัยชนะที่จะขับไล่หัวรุนแรงไอเอสให้ออกนอกประเทศจนหมด ฐานบัญชาการของกลุ่มไอเอสที่เมืองเซิร์ท นับว่าเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดของทหารฝ่ายรัฐบาลลิเบียอย่างยิ่ง โดยการเคลื่อนกำลังอย่างรวดเร็ว เข้ามาทันทีในเมืองที่เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอส ทั้งนี้ก่อนหน้านี้กองทัพสหรัฐเปิดฉากจู่โจมทางอากาศที่เป็นที่มั่นของกลุ่มไอเอสแห่งเมืองเซิร์ท ตามคำร้องขอของกองกำลังรัฐบาลของข้อตกลงแห่งชาติ ทั้งนี้เมืองเซิร์ทได้ตกเป็นของกลุ่มไอเอสหรือกองกำลังติดอาวุธตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2558 ทำให้หลายฝ่ายกลัวว่าเหล่ากองกำลังติดอาวุธเหล่านี้จะรุกล้ำเข้ามายังยุโรปโดยข้ามทะเลเมติเตอร์เรเนียนมายังแอฟริกา

การกลับมาโจมตีทางอากาศอีกครั้งในลิเบียโดยกองทัพสหรัฐ นับว่าเป็นการกลับมายังลิเบียอย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว หลังล้มอำนาจ พ.อ.กัดดาฟีได้สำเร็จ ตามคำร้องขอตามรัฐบาลเอกภาพยูเอ็น สำนักข่าวประจำกรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ฟาเยซ อัล-ซาร์ราจ ตำแหน่งผู้นำแห่งรัฐบาลเอกภาพของลิเบียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากยูเอ็น (สหประชาชาติ) โดยตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ระหว่างเมืองเบงกาซีและกรุงตริโปลี นับว่าเป็นการโจมตีทางอากาศที่ใหญ่หลวงที่สุด ที่สร้างความเสียหายแก่แหล่งกบดานของกลุ่มผู้ติดอาวุธไอเอส โดยนาย ซาร์ราจแกลงการว่า เมื่อไม่นานมานี้คณะรัฐมนตรีมีมติให้ลิเบียเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับนานาชาติในการทำสงครามเพื่อปราบปรามและหยุดยั้งกลุ่มก่อการร้ายไอเอส โดยขอให้สหรัฐมีบทบาทเข้ามาเป็นผู้นำปฏิบัติการในประเทศลิเบีย ซึ่งเมืองเซิร์ตเป็นบ้านเกิดของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี จอมเผด็จการในประเทศลิเบียที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เมืองเซิร์ทได้ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มไอเอสเมื่อปีที่ผ่านมา ก่อนที่กองทัพของเหล่ารัฐบาลเอกภาพตริโปลีและพันธมิตรตัดสินใจเข้าต่อสู้กับเหล่านักรบไอเอสเพื่อแย่งชิงเมืองคืนมา โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ได้รับการอนุมัติเป็นทางการจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพื่อเป็นไปตามการปฏิบัติการทางทหารของเพนตากอนในลิเบีย ซึ่งเป็นไปตามคำร้องขอของรัฐบาลตริโปลี

รัฐบาลลิเบียแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนหลังจากที่ฝรั่งเศสเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสงครามภายในประเทศ หรือเรียกอีกอย่างว่า “สงครามลับ” หลังมีการพบทหาร 3 นายที่เสียชีวิตเป็นทหารของฝรั่งเศสเอง เนื่องจากรัฐบาลปารีสออกมายอมรับด้วยตัวเอง หลังจากมีเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกทางเหนือในประเทศลิเบีย ในวันที่ 21 ก.ค. มีรายงานส่งตรงมาจากกรุงตริโปลี ประเทศลิเบียว่า รัฐบาลเอกภาพของลิเบียได้รับการสนับสนุนจากยูเอ็น (ประชาชาติ)  มีการออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า มีความยินดีอย่างยิ่งที่มิตรประเทศทั้งหลายได้ให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลตริโปลี ในด้านการสู้รบเพื่อขับไล่กลุ่มก่อการร้ายไอเอสออกจากพื้นที่ แต่ทั้งนี้ก็ควรเป็นไปตาม “ความร่วมมือ”  หรือควรตอบรับตามคำขอร้องจากทางลิเบียมากกว่า แต่ในเหตุการณ์นี้พบว่าทางฝรั่งเศสได้ส่งทหารและสรรพาวุธเข้ามายังลิเบีย นับว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยชัดเจน จึงทำให้เกิดชาวลิเบียบางกลุ่มได้มีการขับไล่ต่อต้านกองกำลังฝรั่งเศสในกรุงตริโปลีอีกด้วย โดยกองทัพฝรั่งเศสได้ถูกกลุ่มติดอาวุธซุ่มยิงเฮลิคอปเตอร์ของกลุ่มหน่วยรบพิเศษของกองทัพฝรั่งเศส ที่เมืองเบงกาซีทางด้านตอนเหนือของประเทศลิเบีย ทำให้เฮลิคอปเตอร์เกิดตกและทำให้กองกำลังฝรั่งเศสเสียชีวิตถึง 3 นาย ทั้งทีก่อนหน้านี้ทางด้านรัฐบาลปารีสได้มีการสงวนท่าทีมาโดยตลอด โดยไม่มีทีท่าว่าจะส่งทหารมายังลิเบีย ทำให้ด้านนายสเตฟาน เลอ โฟล โฆษกกระทรวงกลาโหมประจำประเทศฝรั่งเศส ได้ออกมายืนยันว่าภารกิจของหน่วยรบพิเศษนั้นคือการสนับสนุนรวมถึงสร้างความเชื่อมั่นโดยการกระจายทหารฝรั่งเศสทั่วพื้นที่ในลิเบีย ซึ่งมีจุดประสงค์เดียวคือกำจัดกลุ่มก่อการร้าย